นั่งรถไฟเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว 3 วัน เน้นตะเวนกินชิลๆ งบไม่เกิน 3,000 บาท

นั่งรถไฟเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว 3 วัน

ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดีก็เลยแวะไปเชียงใหม่ เป็นทริปปุปปับมากๆ เพราะทริปเที่ยวต่างประเทศล่มเลยต้องไปซบเชียงใหม่เพื่อเยียวยาจิตใจ จริงๆ ก็อยากนั่งรถไฟเที่ยวแบบชิลๆ ด้วย ภาพที่วาดฝันไว้ในหัวก็คือนั่งรถไฟชั้น 1 เบาะสีแดง แต่!! อย่างที่บอกว่ามันเป็นทริปปุปปับอยากไปก็จองเลยมันเลยไม่มีรถไฟชั้นดีๆ เหลือแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่ตัดใจที่จะไป สู้มากเลยตัดสินใจไปชั้น 3 นั่งท้าลมหนาวไปทั้งคืนเลย และเพราะว่าเราไปด้วยรถไฟทริปนี้เลยใช้งบประมาณที่ต่ำอย่างเหลือเชื่อเลย จะใช้งบเท่าไร ไปตะเวนเที่ยวและกินที่ไหนบ้างไปชมกันเลยค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางไปกับรถไฟขบวน 51 ออกจากกรุงเทพ 22.00 น. ถึงเชียงใหม่ประมาณช่วงเที่ยง บนรถไฟนั้นจะมีห้องน้ำให้ แต่ทว่าขบวนที่เราไปในวันนั้นห้องน้ำดันน้ำไม่ไหลเฉย ทิชชู่ก็หมด แต่โชคดีที่เราเตรียมติดตัวไปด้วย บรรยากาศบนรถไฟชั้น 3 มันก็ไม่ได้แย่นะคะ ไม่ได้สบายแต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะลำบากแต่มันคงดีกว่าถ้าเราสามารถนอนเหยียดขาได้ แต่ถ้าจองไม่ทันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ ชั้น 3 ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

จริงๆ ที่เลือกขบวน 51 ออกจากกรุงเทพ 22.00 น. นั้นจริงๆ มีเหตุผลอื่นด้วยคือเราไปได้ยินมาว่าหากไปขบวนนี้ช่วงเวลาเช้ามืดจะบรรยากาศดี คือมันจะไปถึงเส้นทางทีวิวสวยในช่วงเวลาที่เหมาะสม สามารถถ่ายรูปได้สวย แต่เอาเข้าจริงก็คือหลับค่ะ ไม่ตื่นค่ะ ตื่นอีกที่เก้าโมงเช้าเลยไม่ได้เก็บภาพอะไรเลย

พอรถไฟถึงเชียงใหม่เที่ยงเราก็ตรงดิ่งหารถแดงเข้าตลาดเลย เราสามารถดีลกับรถแดงถึงจุดที่จะลงได้นะคะ เขาก็จะคิดค่าบริการเริ่มต้นที่ 50 บาท รถแดงหน้าสถานีรถไฟเราสามารถเหมาได้หรือรอผู้โดยสารคนอื่นๆ แล้วจ่ายค่าบริการตามระยะทางได้ dreamgame หากใครจะไปแม่กำปองก็ไปลงตลาดวโรรส หรือใครพักแถวคูเมือง ประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ก็ทำการตกลงเรื่องราคากับคนขับได้เลย ขาไปเราไปลงตลาดวโรรสค่ารถ 50 บาท

มาถึงเราก็เช็คอินที่พักก่อนเลย แต่ครั้งนี้เราเลือกพักประเภทโฮสเทล เพราะส่วนตัวชอบโฮสเทลแต่ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อที่พัก เนื่องจากจบทริปกลับบ้านแล้วเป็นโควิด ใครๆ ก็โทษแต่ว่าเพราะนอนโฮสเทล ซึ่งมันก็ไม่ได้รู้แน่ชัดว่าเราไปรับเชื้อมาจากตรงไหนของเชียงใหม่กันแน่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ที่พักเสียหายเราขออนุญาตไม่แจ้งชื่อที่พัก ใครไม่สบายก็เลือกนอนเป็นที่พักประเภทห้องส่วนตัวแทนห้องรวม

แพลนวันแรกไม่มีอะไรมากเพราะนั่งรถไฟมาอย่างยาวนาน ถึงที่พัก อาบน้ำ พักขา รอเวลาให้แดดร่มลมตกจึงออกไป “คลองแม่ข่า” จุดเช็คอินสุดชิคที่ใครๆ ก็ไปกัน ซึ่งคลองแม่ข่านั้นอยู่ห่างจากประตูท่าแพประมาณ 2 กิโลเมตรก็เดินได้นะคะ ทางเราก็เดินไป หรือใครจะเช่ามอเตอร์ไซค์หรือจักรยานก็ได้ตามที่สะดวกค่ะ

เดิมทีคลองแม่ข่านี้เป็นเสมือนคูเมืองชั้นนอกที่โอบล้อมตัวเมือง เป็นเส้นทางน้ำจากอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพระบายลงสู่แม่น้ำปิง ซึ่งมีประวัติคู่เมืองเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน และมาพัฒนาเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่ให้ฟีลญี่ปุ่นจนใครๆ ต่างพากันเรียกว่าโอตารุเมืองไทย ที่นี่เต็มไปด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์เปลี่ยนโฉมชุมชนธรรมดาๆ ให้มีบรรยากาศโดยรวมมีความผสมผสานระหว่างมินิมอล คลาสสิกและวินเทจ บรรยากาศดี ของกินเยอะมาก คลองแม่ข่านั้นจะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ไปจนถึง 22.00 น. แต่เวลาที่อยากจะแนะนำให้มาเที่ยวชมที่นี่นั้นคือ 17.00 น. เนื่องจากหากมาช่วง 15.00 น. ร้านต่างๆ จะเพิ่งเริ่มตั้งร้าน อาจจะยังไม่พร้อมบริการแต่เวลาประมาณห้าโมงเย็นนั้นเกือบทุกร้านจะพร้อมรับลูกค้าหนำซ้ำแดดจะไม่ร้อน และไฟคลองจะเปิดสว่างไสวในช่วงเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป บอกเลยว่าบรรยากาศดี ถ่ายรูปสวยมากๆ ค่ะ ทางเราเดินชิมอาหารตั้งแต่ต้นซอยจนถึงท้ายซอย กาแฟสด 1 แก้ว ชาพีชและชามะนาวอย่างละ 1 แก้ว หมูย่าง 5 ไม้ ไม้ละ 10 บาท ไอศกรีมกะทิ และข้าวโพดอบเนย เบ็ดเสร็จหมดไปประมาณ 200 บาท

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*